รักษาสายตาสั้น ยาว เอียง ด้วย PRK คืออะไร?

 รักษาสายตาสั้น ยาว เอียง ด้วย PRK คืออะไร?

PRK เป็นการทำเลสิก (Lasik) ที่เหมาะกับผู้มีกระจกตาบางและคนไข้บางกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้เทคนิคนี้โดยเฉพาะ มีความต่างจากเฟมโตเลสิก (Femto Lasik)  และ ReLEx SMILE ในหลายด้านแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน

PRK เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการทำเลสิก (Lasik) ด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งค่อนข้างเฉพาะเจาะจงสำหรับคนไข้บางกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาด้วยเทคนิคนี้ เช่น ทหาร ตำรวจ นักบิน ตลอดจนผู้ที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับโครงสร้างหรือส่วนประกอบของดวงตาที่เป็นอุปสรรคต่อการทำเลสิก (Lasik)วิธีอื่น เช่น ผู้ที่มีภาวะกระจกตาบางและไม่สามารถใช้เทคนิคในการแยกชั้นกระจกตาได้ PRK จะเป็นทางเลือกสำหรับคนไข้กลุ่มนี้ได้ดีที่สุด

หลักการรักษาสายตาแบบ PRK 

PRK เป็นชื่อย่อของคำว่า Photorefractive Keratectomy ซึ่งเป็นเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์ในการมองเห็นชัดเจนอย่างถาวรและมีผลข้างเคียงน้อยมาก โดยหลักการสำคัญของ PRK คือการแก้ไขกระจกตาชั้นนอกสุดหรือชั้นที่เป็นเยื่อหุ้มกระจกตาด้วยการใช้สารละลายเพื่อสลายเยื่อนั้นออกไป จากนั้นจึงปรับแต่งผิวส่วนบนของกระจกตาด้วยเลเซอร์ เพื่อให้ได้ค่าสายตาตามที่แพทย์ได้ทำการคำนวณไว้ในขั้นตอนของการตรวจสายตาครั้งแรกก่อนการรักษา หลังจากที่ปรับแต่งผิวกระจกตาแล้วแพทย์จะทำการใส่คอนแทคเลนส์ให้กับคนไข้ คอนแทคเลนส์นี้จะใส่ไว้นานประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งในระหว่างช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการสร้างเยื่อหุ้มกระจกตาขึ้นมาใหม่ รอให้แผลหายแล้วจึงเอาคอนแทนเลนส์ออก 

การรักษาแบบ PRK ต่างกับเลสิกแบบอื่นอย่างไร

PRK กับ LASIK

หากจะเปรียบเทียบกันระหว่าง  PRK vs LASIK จะเห็นความแตกต่างกันคือการทำ PRK มีความเสี่ยงน้อยกว่าในระยะยาว แต่ถ้าเป็นการทำเลสิก (Lasik) จะมีความเสี่ยงมากกว่า PRK ไม่มีแผลเพราะไม่มีการกรีด แต่เป็นการใช้สารละลายลอกผิวกระจกตาออกและอาศัยการฟื้นฟูผิวกระจกตาใหม่ อาจใช้เวลานานในการสมานผิวกระจกตา แต่มีผลข้างเคียงน้อย ในขณะที่เลสิก (Lasik) มีแผลหลังจากทำ ถึงแม้ว่าจะหายเร็วแต่ผลข้างเคียงอาจเกิดขึ้นได้มากกว่า ในเรื่องของค่าใช้จ่าย PRK ราคา ถูกกว่าทำเลสิกวิธีอื่น ส่วนข้อดีของการทำเลสิกคือไม่ต้องสลายเยื่อหุ้มกระจกตา สามารถแก้ปัญหาค่าสายตาที่สูงมาก ๆ ได้ ไม่ว่าจะสั้นมาก ยาวมาก หรือเอียงมาก หลังจากการทำเลสิกการเห็นภาพชัดจะเกิดขึ้นได้ในเวลาที่เร็วกว่าการทำ PRK

PRK กับ ReLEx SMILE

ReLEx SMILE คือ การผ่าตัดวิธีใหม่ที่ไม่ต้องใช้ใบมีดกรีดผิวกระจกตา มีความทันสมัยกว่า PRK และมีความแม่นยำสูงในการผ่าตัดรักษาสายตาผิดปกติ ข้อได้เปรียบของ ReLEx SMILE ที่เหนือกว่าก็คือไม่ต้องสลายผิวกระจกตาแบบ PRK คนไข้จึงไม่เจ็บมากและลดระยะเวลาในการพักฟื้นให้น้อยลง เพราะใช้เลเซอร์แผลที่เกิดจะเป็นเพียงแผลขนาดเล็ก 

PRK กับ Femto Lasik

ในส่วนของเฟมโตเลสิก (Femto Lasik)  นั้นเป็นวิธีการใช้แสงเลเซอร์ในทุกขั้นตอนการรักษา เริ่มจากกรีดผิวกระจกตา เปิดฝากระจกตาชั้นบนสุด แล้วปรับโครงสร้างเนื้อเยื่อตาชั้นกลางให้ได้ค่าสายตาที่ต้องการ ตามด้วยการปิดกระจกตากลับเข้าที่ เป็นวิธีที่ใช้แก้ไขสายตาที่มีค่าผิดปกติสูงได้มากกว่า PRK โดยเฟมโตเลสิก (Femto Lasik) จะใช้ได้กับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นมากสุดถึง -1,000 สายตาเอียง -600 ขณะที่ PRK ใช้ได้กับผู้ที่มีค่าสายตาผิดปกติในระดับปานกลาง ไม่เกิน -600

PRK ทางเลือกสำหรับคนกระจกตาบาง

กระจกตาปกติความหนาจะอยู่ที่ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ถ้าน้อยกว่านี้ถือว่ากระจกตาบาง ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการรักษาสายตาด้วยวิธีเลสิก ดังนั้นจึงควรให้จักษุแพทย์เป็นผู้ตรวจและประเมินสภาพตาก่อนเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้ ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี นั่นคือ PRK และการใส่เลนส์เสริม ICL ไม่สามารถทำเลสิกวิธีอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ReLEx SMILE หรือเฟมโตเลสิก (Femto Lasik)  เพราะทั้งสองวิธีหลังนี้จะทำให้กระจกตาบางลงไปอีกและยังเสี่ยงต่อภาวะกระจกตาผิดปกติอื่น ๆ เช่น กระจกตาย้วย กระจกตาขุ่นได้

ผลข้างเคียงจากการทำ PRK 

ผลข้างเคียงอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งอาการผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้

-อาการที่มักเกิดขึ้นได้ในช่วง 2 - 3 วันหลังจากทำ PRK คืออาการเคืองตาและน้ำตาไหลออกมามาก แต่ไม่ใช่อาการผิดปกติที่ร้ายแรง-การมองในเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟเป็นสีรุ้ง มีหลายแฉก หรืออาการเห็นแสงกระจาย แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น มีคนไข้เพียงน้อยรายมาก ๆ ที่มีอาการนี้อย่างถาวร-อาการตาแห้ง จะเป็นในช่วงแรก แต่หลังจาก 3 - 6 เดือนไปแล้วอาการจะดีขึ้น-กระจกตาเป็นฝ้า เกิดจากการถูกรังสียูวีมากหรือถูกแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงหลังจากผ่าตัดใหม่ ๆ

นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังคือหลังจากทำ PRK ผิวตาจะเป็นแผลถลอกอยู่ประมาณ 3 - 5 วัน แต่แผลนี้จะสามารถสมานตัวเองได้เมื่อเซลล์เยื่อบุผิวกระจกตาใหม่มีการเติบโตขึ้น เซลล์นั้นจะทำให้แผลปิดได้และหายเป็นปกติ แต่ในช่วงระหว่างที่เซลล์ยังโตไม่เต็มที่คนไข้จะต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการผิดปกติ ซึ่งได้แก่ผู้ที่รับประทานยา Isotreinoin และ Amiodarone hydrochloride ผู้ที่มีโรคต่าง ๆ  เกี่ยวกับผิวตาและโรคที่สุ่มเสี่ยงต่อการยิงเลเซอร์ซึ่งอาจส่งผลให้อาการของโรคแย่ลง

การเตรียมตัวก่อนทำ PRK 

เมื่อเราทราบแล้วว่า PRK คืออะไร เหมาะกับการรักษากรณีไหน และหากเทียบ PRK vs LASIK แล้วพบว่าคุณเป็นผู้หนึ่งที่เหมาะกับการทำ PRK จริงๆ ก็สามารถตัดสินใจรักษาด้วยวิธีนี้ได้ และหลังจากการตัดสินใจทำเลสิก วิธีนี้ควรเตรียมตัวให้พร้อม ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดมีดังนี้

-งดใส่คอนแทคเลนส์ 7-14 วันก่อนวันผ่าตัด ขึ้นอยู่กับชนิดของคอนแทคเลนส์ ถ้าเป็นชนิดนิ่มให้งดใส่อย่างน้อย7วัน ชนิดแข็งงดใส่อย่างน้อย14วัน-ลดการใช้สายตา ให้สายตาได้พักก่อนการผ่าตัดเพราะการใช้สายตามากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะตาแห้ง-งดการแต่งหน้า โดยเฉพาะการใช้อายแชโดว์และอายไลเนอร์เขียนขอบตา-งดการใช้น้ำหอมและการใช้เจลแต่งผมที่มีกลิ่น เพราะจะมีผลต่อการทำงานของเลเซอร์-ล้างหน้าให้สะอาด สระผมให้เรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด 1 วัน-งดการดื่มชาและกาแฟก่อนการผ่าตัด ส่วนอาหารหลักสามารถรับประทานได้ตามปกติ-หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีน้ำมูก เป็นหวัด มีไข้ ตาแดง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการผ่าตัด-การแต่งกายแนะนำให้ใส่เสื้อมีกระดุมหน้า หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อสวมหัว และอย่าลืมนำแว่นกันแดดติดตัวไว้สำหรับใช้หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว

วิธีปฏิบัติในการดูแลสายตาหลังทำ PRK

หลังผ่าตัดจะน้อยลงและสายตาจะเป็นปกติได้เร็วขึ้นถ้าคนไข้ดูแลดวงตาของตนเองเป็นอย่างดี รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งวิธีปฏิบัติในการดูแลสายตาหลังทำ PRK ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้

  • หยอดยาและหยอดน้ำตาเทียมอยู่เสมอ เพื่อหล่อเลี้ยงดวงตาให้ชุ่มชื้น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • รับประทานวิตามินบำรุง เช่น วิตามินซี จะช่วยให้แผลหายเร็วและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงขึ้นที่กระจกตา เช่น กระจกตาเป็นฝ้า
  • ในช่วงระยะแรกไม่ควรออกนอกอาคารที่มีแสงแดดแรงหรือหากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดดและสวมหมวกป้องกันรังสียูวีไว้เสมอ การเผชิญแสงแดดจัดอาจทำให้กระจกตาเป็นฝ้าได้ง่าย
  • ไม่ควรใช้สายตามาก ให้พักสายตาบ่อย ๆ ลดการใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้คอมพิวเตอร์ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • ดูแลรักษาดวงตาให้สะอาดอยู่เสมอ ระมัดระวังเรื่องฝุ่นละออง เหงื่อไหลเข้าตา เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อซึ่งอาจส่งผลให้กระจกตาเป็นแผลอักเสบ
  • งดการรับประทานอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อน ๆ มีควันมาก ๆ เช่น อาหารปิ้งย่าง
  • งดออกกำลังกายประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หลังจากผ่าตัดเสร็จ

การทำ PRK แลกกับผลลัพธ์ที่ดีมีการมองเห็นที่ชัดขึ้นอย่างถาวรถือว่าคุ้มค่า สำหรับผู้ที่สนใจการแก้ไขปัญหาสายตาด้วยวิธีนี้ สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้จากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านดวงตาที่พร้อมรักษาโรคตาโดยทีมจักษุแพทย์ มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับคำปรึกษาและการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับทุกปัญหา

 ต้อหิน (Glaucoma) เป็นแล้วรีบรักษา ก่อนสูญเสียการมองเห็น
 เลือกกรอบแว่นตาให้เหมาะกับคุณ
 เปรียบเทียบราคาการทำ LASIK แต่ละประเภท คุ้มไหมกับราคาที่ต้องจ่าย
 มองเห็นหยากไย่ ลอยไปลอยมา รักษาอย่างไร อันตรายหรือไม่?
 เลนส์แว่นตามีกี่แบบ เลนส์ยี่ห้อไหนดีที่สุด
 “น้ำตาเทียม” มีประโยชน์จริงไหม เลือกอย่างไร? รู้ก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย
 หลังผ่าตัดต้อเนื้อจะเจ็บมากมั้ย พักฟื้นกี่วัน
 ทำไมเด็กถึงต้องตัดแว่นกับหมอ
 ใครที่เหมาะ? ควรแก้ปัญหา สายตาสั้น ยาว เอียง ด้วยPRK
 ภาวะถุงหุ้มเลนส์ขุ่น (Posterior capsule opacity/After cataract)